หน้าแรก > บทความ > ตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจอะไรบ้าง? ที่ไหนดี? 2568

ตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจอะไรบ้าง? ที่ไหนดี? 2568

อ่านรายละเอียดหัวข้อที่สนใจ สำหรับกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง (Ptosis) 


 

ทุกวันนี้ใครๆ ก็พูดถึงการ “ตรวจสุขภาพประจำปี” เพราะเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรอให้ป่วยก่อน ป้องกันดีกว่ารักษาแน่นอน โดยเฉพาะในปี 2568 ที่โรคใหม่ ๆ ก็มาไว การตรวจสุขภาพสม่ำเสมอช่วยให้เรารู้ทันความเสี่ยง แถมหลายแห่งยังมีแพ็กเกจราคาดี หรือสิทธิฟรีจากประกันสังคมที่หลายคนอาจยังไม่รู้ด้วยซ้ำ  บทความนี้จะพาคุณไปดูว่า การตรวจสุขภาพประจำปีต้องตรวจอะไรบ้าง ? พร้อมคำแนะนำที่เข้าใจง่ายและใช้ได้จริง ใครที่อยากเริ่มต้นดูแลตัวเอง หรือกำลังวางแผนพาคนที่คุณรักไปตรวจ อย่าเลื่อนผ่าน!

 

ตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจอะไรบ้าง? 

รายการตรวจอาจแตกต่างกันตามช่วงวัย เพศ หรือโรคประจำตัว แต่โดยทั่วไปจะประกอบด้วย 


 ตรวจร่างกายทั่วไป (Physical Exam)

  • วัดความดันโลหิต ชีพจร 
  • ตรวจดัชนีมวลกาย (BMI)
  • ตรวจสายตา/การได้ยิน 


ตรวจเลือด (Blood Test)

  • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (FBS) 
  • ตรวจไขมันในเลือด (Cholesterol, Triglyceride, HDL, LDL)
  • ตรวจการทำงานของตับและไต
  • ตรวจกรดยูริก (สำหรับโรคเกาต์) 


ตรวจปัสสาวะ

 

  • เพื่อหาความผิดปกติเกี่ยวกับไต หรือระบบทางเดินปัสสาวะ 


เอกซเรย์ทรวงอก (Chest X-ray) 

  • เพื่อตรวจหาความผิดปกติของปอด หรือก้อนเนื้อในทรวงอก 


ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)

  • สำหรับผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป หรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ 


ตรวจมะเร็ง (แล้วแต่เพศและอายุ)

  • ผู้หญิง ตรวจมะเร็งปากมดลูก และ มะเร็งเต้านม 
  • ผู้ชาย ตรวจมะเร็งต่อมลูกหมาก


ตรวจสุขภาพประจำปี ที่ไหนดี ? ราคาเท่าไหร่ ? 



มีตัวเลือกหลากหลายในการตรวจสุขภาพประจำปี โดยแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ 


โรงพยาบาลรัฐ 

การตรวจสุขภาพประจำปีกับโรงพยาบาลรัฐ 

  • สามารถใช้สิทธิประกันสังคมหรือบัตรทองได้
  • ค่าใช้จ่ายต่ำหรือฟรีในบางกรณี
  • มีความน่าเชื่อถือสูง
  • อาจต้องรอคิวนาน
  • รายการตรวจอาจจำกัดเฉพาะที่ภาครัฐกำหนด
  • สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้ตามเงื่อนไข 


โรงพยาบาลเอกชน

 
การตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเอกชน

  • บริการรวดเร็ว มีแพ็กเกจหลากหลาย
  • มีรายการตรวจเฉพาะทางให้เลือกเพิ่มเติม
  • สามารถตรวจแบบเฉพาะกลุ่ม เช่น ตรวจมะเร็ง ตรวจหัวใจ
  • ราคาสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐ
  • ควรตรวจสอบสิทธิประกันกลุ่ม/ประกันสุขภาพก่อนเพื่อใช้ลดค่าใช้จ่าย ราคาโดยประมาณ เริ่มต้นตั้งแต่ 1,500 – 15,000 บาท ขึ้นอยู่กับรายการที่ตรวจ 


คลินิกเวชกรรมและศูนย์ตรวจสุขภาพ

 
การตรวจสุขภาพประจำปีที่คลินิกเวชกรรมและศูนย์ตรวจสุขภาพ

  • ราคาเข้าถึงง่าย ราคาโดยประมาณ เริ่มต้น 500 – 2,000 บาท
  • สะดวก เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการรายการตรวจเบื้องต้นที่ซับซ้อน เช่น น้ำตาล ไขมัน ความดัน
  • ตรวจได้ไว ไม่ต้องรอนาน
  • ควรเลือกคลินิกที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข 


เคล็ดลับเลือกแพ็กเกจให้ตรงใจ

 
เพื่อความคุ้มค่า มีเคล็ดลับในการเลือกแพ็คเกจการตรวจสุขภาพประจำปี ให้ตรงใจและตรงความต้องการ  

  • ตรวจสอบอายุและเพศ เพื่อเลือกรายการตรวจที่เหมาะสม
  • เปรียบเทียบราคาจากหลายโรงพยาบาลหรือคลินิก
  • พิจารณาว่ามีสิทธิประกันสังคมหรือไม่
  • ใช้ช่วงโปรโมชั่น เช่น แพ็กเกจลดราคาประจำเดือนสุขภาพ เช่น กรกฎาคม เพื่อไปตรวจสุขภาพประจำปี
  • อ่านรีวิวและประสบการณ์ผู้ใช้บริการก่อนตัดสินใจ 


ตรวจสุขภาพประจำปีฟรี ได้ที่ไหน? 

สำหรับท่านที่ต้องการตรวจสุขภาพฟรี จำเป็นต้องรู้ว่าที่ไหนมีบริการบ้าง วันนี้เราได้รวบรวมมาฝากกัน ดังนี้


โรงพยาบาลตามสิทธิ์ประกันสังคม 

เหมาะสำหรับผู้ประกันตน ม.33, ม.39, ม.40 โดยให้ตรวจฟรีปีละ 1 ครั้ง (ตามเงื่อนไข สปส.) รายการตรวจหลัก ได้แก่ 

  • ตรวจเลือด ความดัน เบาหวาน
  • ตรวจไขมันในเลือด
  • ตรวจเอกซเรย์ทรวงอก
  • ตรวจมะเร็ง (ตามช่วงวัย) 

ส่วนขั้นตอนการตรวจ คือ ให้ติดต่อโรงพยาบาลที่เลือกไว้ในระบบประกันสังคม หรือลงทะเบียนนัดล่วงหน้า ข้อดี คือ ได้ตรวจครอบคลุมแบบสุขภาพแรงงาน 

สถานพยาบาลสังกัดกรมอนามัย / คลินิกอบต. / สาธารณสุขใกล้บ้าน 

เหมาะสำหรับประชาชนทั่วไป มีบริการตรวจฟรี นอกจากนั้น บางแห่งยังมีช่วงบริการ “วันตรวจสุขภาพฟรี” ตามแคมเปญของรัฐอีกด้วย ซึ่งรายการตรวจ มีดังนี้

  • วัดความดัน
  • ตรวจเบาหวาน
  • ตรวจสายตา / สุขภาพช่องปาก 


หน่วยแพทย์เคลื่อนที่/รถตรวจสุขภาพจากหน่วยงานรัฐและเอกชน

เหมาะสำหรับคนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือ คนที่ไม่มีเวลาไปโรงพยาบาล ตรวจฟรีเฉพาะช่วงที่มีโครงการลงพื้นที่ ส่วนรายการตรวจสุขภาพ ได้แก่ 

  • ตรวจทั่วไป / ตรวจตา / ตรวจฟัน
  • แจกยาเบื้องต้น และให้คำปรึกษาสุขภาพ 


โครงการตรวจสุขภาพจากธนาคาร / ห้าง / ประกันชีวิต

เหมาะสำหรับผู้ถือบัตรสมาชิกหรือผู้ซื้อประกันสุขภาพ ทำการตรวจให้ฟรี หรือมีส่วนลด ตามเงื่อนไขของแต่ละองค์กร ตัวอย่างเช่น  ลูกค้า SCB Life ตรวจฟรีกับโรงพยาบาลที่ร่วมรายการบัตรเครดิตบางธนาคาร มีสิทธิ์ใช้บริการแพ็กเกจตรวจสุขภาพราคาพิเศษ ข้อดีคือ ได้บริการระดับพรีเมียมจากโรงพยาบาลเอกชน ในราคาประหยัด 

รวจสุขภาพประจำปี ประกันสังคม

ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 สามารถรับสิทธิตรวจสุขภาพประจำปี ได้ฟรี 1 ครั้งต่อปี โดยประกันสังคม จะครอบคลุมรายการตรวจพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเฝ้าระวังสุขภาพ ซึ่งรวมถึงการตรวจคัดกรองโรคทั่วไป และโรคเรื้อรังที่พบบ่อย 


ตรวจสุขภาพประจำปี ประกันสังคมตรวจอะไรได้บ้าง ?

 รายการตรวจที่สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้ในแต่ละปี ได้แก่ 

  • ตรวจร่างกายทั่วไปโดยแพทย์
  • วัดความดันโลหิต ชีพจร ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง
  • ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC)
  • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (Fasting Blood Sugar)
  • ตรวจไขมันในเลือด (Cholesterol และ Triglyceride)
  • ตรวจปัสสาวะ (Urine analysis)
  • ตรวจเอกซเรย์ปอด (Chest X-ray)
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงหรืออายุเกิน 35 ปี 


นอกจากนี้ หากผู้ประกันตนเป็นเพศหญิงและมีอายุเกิน 30 ปี สามารถขอรับการตรวจมะเร็งปากมดลูก (Pap smear) ได้ฟรีเช่นกัน 


วิธีใช้สิทธิตรวจสุขภาพประจำปีกับโรงพยาบาลตามสิทธิ


การใช้สิทธิสามารถทำได้ง่าย โดยมีขั้นตอนดังนี้ 

  • ตรวจสอบโรงพยาบาลตามสิทธิในระบบประกันสังคมของตนผ่านเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม หรือแอป SSO Connect
  • ติดต่อโรงพยาบาลเพื่อทำการนัดหมาย
  • ยื่นบัตรประชาชน ณ วันที่เข้ารับการตรวจ โดยไม่ต้องสำรองจ่าย
  • โรงพยาบาลจะดำเนินการตามรายการที่ประกันสังคมครอบคลุม 


เลือกแพคเกจตรวจสุขภาพผู้หญิงและผู้ชายเลือกอย่างไร 

 

ผู้หญิงและผู้ชายมีระบบร่างกาย และความเสี่ยงต่อโรคที่แตกต่างกัน เช่น

  • ผู้หญิง มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม และโรคกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชาย
  • ผู้ชาย มักมีความเสี่ยงเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่า 

ดังนั้นแพคเกจตรวจสุขภาพ จึงต้องออกแบบให้ครอบคลุมความเสี่ยงที่เฉพาะเจาะจงของแต่ละเพศ 


 วิธีเลือกแพคเกจตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับผู้หญิง

  • ตรวจร่างกายทั่วไป และดัชนีมวลกาย
  • ตรวจเลือด (ระดับน้ำตาล ไขมัน CBC ไต ตับ)
  • ตรวจปัสสาวะและอุจจาระ
  • ตรวจมะเร็งปากมดลูก (Pap smear)
  • ตรวจมะเร็งเต้านม (Digital Mammogram + Ultrasound)
  • ตรวจความหนาแน่นของกระดูก (Bone Density)
  • ตรวจฮอร์โมนเพศ (เฉพาะผู้หญิงวัยทองหรือผู้มีปัญหาเรื่องรอบเดือน) 


วิธีเลือกแพคเกจตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับผู้ชาย 

  • ตรวจร่างกายทั่วไป และเช็กประวัติสุขภาพ
  • ตรวจเลือด (น้ำตาล ไขมัน การทำงานของตับ ไต)
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)
  • ตรวจต่อมลูกหมาก (PSA – Prostate Specific Antigen)
  • ตรวจเอกซเรย์ปอดและช่องท้อง
  • ตรวจความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ 


เลือกแพคเกจตรวจสุขภาพตามอายุเลือกอย่างไร 

เมื่ออายุมากขึ้น ความเสี่ยงโรคต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นแพคเกจตรวจสุขภาพ ควรออกแบบให้สอดคล้องกับวัย เพื่อให้สามารถเฝ้าระวังโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

     

อายุ 20-29 ปี - เน้นตรวจสุขภาพเบื้องต้น

สำหรับวัยนี้แม้จะดูแข็งแรง แต่ควรเริ่มต้นด้วยการสร้างวินัยการตรวจสุขภาพ โดยเน้นการตรวจพื้นฐาน เช่น 

  • ตรวจร่างกายโดยแพทย์ (Physical Examination)
  • ตรวจเลือด (น้ำตาล ไขมัน CBC)
  • ตรวจปัสสาวะ
  • ตรวจการมองเห็นและการได้ยิน
  • ตรวจ BMI และความดันโลหิต ผู้หญิงควรตรวจภายในและมะเร็งปากมดลูก 


อายุ 30-39 ปี - เพิ่มรายการที่เกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรัง 

เมื่อเข้าสู่วัยทำงานเต็มตัว ควรเพิ่มการตรวจที่ลึกขึ้น เช่น 

  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)
  • ตรวจการทำงานของตับและไต
  • ตรวจไขมันและน้ำตาลในเลือด
  • ตรวจเอกซเรย์ทรวงอก
  • ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ (เฉพาะผู้มีอาการ)
  • ตรวจมะเร็งปากมดลูก/เต้านม สำหรับผู้หญิง
  • ตรวจต่อมลูกหมาก (PSA) เริ่มพิจารณาในผู้ชายอายุ 35 ปีขึ้นไป 


อายุ 40-49 ปี - ตรวจเชิงลึกและมะเร็งเฉพาะทาง 

วัยนี้เริ่มมีความเสี่ยงเรื่องโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน มะเร็งต่าง ๆ มากขึ้น ควรตรวจสุขภาพประจำปีเพิ่ม ในรายการเหล่านี้ 

  • ตรวจไขมัน น้ำตาล ความดัน ตับ ไต
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และความหนาแน่นของหลอดเลือด
  • ตรวจความหนาแน่นของกระดูก
  • ตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่ (FOBT)
  • ตรวจมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรม (ผู้หญิง)
  • ตรวจต่อมลูกหมาก (PSA) และฮอร์โมนเพศชาย (ผู้ชาย) 


อายุ 50 ปีขึ้นไป - ตรวจอย่างครอบคลุม และถี่ขึ้น

 
วัยเกษียณหรือก่อนเกษียณ ควรตรวจอย่างละเอียดทุกปี เพื่อป้องกันโรคเรื้อรังและภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ 

  • ตรวจหัวใจด้วย Echo หรือ Exercise Stress Test
  • ตรวจมะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ ปากมดลูก ต่อมลูกหมาก (ตามเพศ)
  • ตรวจสมรรถภาพสมอง (เฉพาะราย)
  • ตรวจสมดุลของกระดูก กล้ามเนื้อ
  • ตรวจเบาหวาน ตับ ไต ไขมัน ความดัน 


ตรวจสายตาและการได้ยิน

 
 การตรวจสุขภาพประจำปี ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนควรใส่ใจ เพราะการรู้เท่าทันความผิดปกติในร่างกายตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคร้ายแรงได้มาก โดยเฉพาะในปี 2568 ที่เทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยก้าวหน้าขึ้นมาก คุณสามารถเลือกแพ็กเกจตรวจที่เหมาะสมกับเพศ วัย และไลฟ์สไตล์ของคุณได้ง่ายขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีหลายโรงพยาบาลและคลินิกที่ให้บริการ ตรวจสุขภาพประจำปี พร้อมโปรโมชั่นดี ๆ ทั้งแบบจ่ายเองหรือใช้สิทธิประกันสังคม ประกันสุขภาพ เรียกได้ว่าไม่ตรวจถือว่าพลาด! 


และถ้าคุณกำลังมองหาการวางแผนดูแลสุขภาพในระยะยาว นอกจากการตรวจสุขภาพประจำปีแล้ว การมีประกันสุขภาพ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  SCB Protect ที่มีแผนประกันสุขภาพหลากหลาย ครอบคลุมทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าห้อง และยังสามารถเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้อีกด้วย